10 วิธีของการ “มอง” อย่างมือโปรฯ เพื่อการขับขี่
5 กรกฏาคม 2564
visibility77
By Dr. Chaiyant, 21 June 2021
คอลัมน์นี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นความรู้ให้กับนักขับขี่มอเตอร์ไซค์มือใหม่โดยเฉพาะ
ไม่ต้องสงสัยเลยครับว่าการเอียงรถเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว และแม่นยำย่อมทำให้เราดูเหมือนนักแข่งมือโปรฯ อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามท่าทางการแบนรถก็เป็นเพียงส่วนนึงของการเข้าโค้งเท่านั้น การจะเข้าโค้งอย่างมีทักษะและความปลอดภัย เราต้องเก็บสภาพต่าง ๆ ของโค้งที่กำลังจะเข้าด้วย “ตา” ของเราเองซะก่อน
1. ตาเรารู้ดี
ขณะที่เรากำลังจะเข้าโค้ง ตาของเราจะเห็นและเตือนเราทันทีว่าโค้งข้างหน้านั้นมันแคบ มันกว้าง มันหักศอก หรือมันเป็นอย่างไรก่อนที่ร่างกายส่วนอื่นของเราจะทำตามที่ลูกตาบอกเรา เพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของตัวเราเป็นสำคัญ แต่การมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียวมันอาจจะไม่เพียงพอต่อข้อมูลที่แขน และขาเราต้องการเพื่อบังคับรถให้เข้าโค้งได้อย่างปลอดภัย และ “การมอง” กับ “การเห็น” ก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธี “การมอง” จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การแค่มองตรงไปเรื่อยเปื่อยมันอาจจะไม่ได้ทำให้เราเข้าออกโค้งได้เร็วขึ้น การจ้อง และมองอย่างมีเป้าหมายถึงจะทำให้การเข้าออกโค้งของเรามีประสิทธิภาพ
2. มองตรงไปข้างหน้า
สิ่งแรกเลยคือเบิกตาเข้าไว้! ยิ่งเราจับจุดอันตรายหรือลักษณะในโค้งได้เร็วเท่าไหร่ มันก็จะทำให้เราตื่นเต้นตกใจน้อยลงเท่านั้น การมองตรงไปข้างหน้าจะช่วยเราให้ลดความ “กังวลในความเร็ว” ยิ่งมองไกลออกไปความรู้สึกของเราจะดูเหมือนว่าวิวรอบข้างมันช้า ทำให้เราควบคุมรถได้ทันเวลา
เวลาเข้าโค้ง ให้เรามองออกไปข้างหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าให้ดีมองตามทางออกไปไกลจนถึงจุดออกโค้งเลยยิ่งดี
แต่การที่เราจะมองออกไปได้ไกลแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับสภาพของถนนด้วย ก่อนอื่นต้องมองไปที่เส้นขอบฟ้าที่โค้งปรากฎขึ้น ดูว่ามันเปิด เรียบ และไม่มีอะไรขวางทาง แต่ถ้าเกิดไปวิ่งในป่าหรือเนินเขา มันอาจจะมีอุปสรรคหรือสิ่งกีดขวางที่ทำให้การมองเห็นของเราก็อาจจะจำกัดไปด้วย นี่แหละคือตัวปัญหาที่อาจจะทำให้เราไม่สามารถคาดการณ์สภาพข้างหน้าได้ จนบางทีก็อาจจะสายเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ทัน
ทำความเร็วรถให้เหมาะสมกับระยะการมองของเรา
อย่าขี่รถให้เร็วเกินกว่าที่ตาเราจะกะระยะได้ทัน ถ้าขี่เร็วเกินไปตาเราอาจจะจับภาพและถ่ายทอดเข้าสู่สมองเพื่อประมวลผลไม่ทัน บ่อยครั้งที่วัตถุที่วางอยู่ข้างทางมักจะบังทัศนวิสัย หรือข้อมูลที่สำคัญบางอย่างเอาไว้ อย่าเพิ่งรีบถ้ารู้ว่าเรามองไม่ทัน มันต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้บ้าง ในความเร็วที่เราขี่มา อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
3. ต้องรู้ว่าความเร็วในการเข้าโค้งนั้นต้องเป็นเท่าไหร่
การเข้าโค้งอย่างมีความชำนาญต้องใช้ข้อมูลจากการมองเห็น รัศมีของโค้ง มุมแคมเบอร์ของรถเรา รวมทั้งสภาพของถนนในโค้งด้วย เราถึงจะสามารถกำหนดความเร็วที่เหมาะสมในการเข้าโค้งได้ การเข้าโค้งที่เร็วเกินไปมักจะทำให้รถไถลและมักเกิดอุบัติเหตุแบบที่ไร้คู่กรณี เพราะคนขี่เกิดตกใจหลุดโค้งหรือกดเบรกกระทันหัน ดังนั้นพยายามขี่รถให้อยู่ในสถานะที่เราควบคุมมันได้ตลอดเวลา
4. จับจุดที่ “ตา” บอกเรา
การมองไกลออกไปข้างหน้าทำให้เราสามารถคาดการณ์ลักษณะเฉพาะของโค้งนั้นๆ และวางแผนการเข้าโค้งได้อย่างเหมาะสม ทัศนียภาพและทิวทัศน์ข้างทางมักจะช่วยให้เราเข้าใจสภาพทางโค้งที่เรากำลังจะพุ่งตรงเข้าไป รวมทั้งการผ่อนหรือบิดคันเร่งด้วย (....จะยกลึกหรือยกตื้นดี)
หากเราวิ่งบนถนนหลวง เป้าหมายข้างหน้าที่จะช่วยเราได้ดีอย่างหนึ่งก็คือ ตำแหน่งที่เส้นกลางถนนหักมุม แต่บน Track ไม่มีเส้นกลางถนน ดังนั้นเราจะใช้ขอบของ Track เป็นแนวเส้นใช้กะระยะในจุดที่มันหักแทน มุมที่หักจะบอกเราให้รู้ว่าโค้งข้างหน้าแคบหรือกว้างแค่ไหน
ถ้าขอบของ Track หักมุมในตำแหน่งที่ค่อนข้างใกล้ เราก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันต้องเป็นโค้งที่ค่อนข้างแคบ ในทางตรงกันข้ามถ้าเส้นขอบทางหายไปเฉยๆ โค้งนั้นจะมีรัศมีที่กว้าง มุมที่เราเห็นจะเป็นตัวบอกว่าโค้งข้างหน้าเอียงขึ้นหรือลงได้ด้วย
5. มองตรงออกไปยังเส้นทางที่เรากำลังจะไป
การมองตรงไปข้างหน้ายังเส้นทางที่เรากำลังจะไปจะพามอเตอร์ไซค์ของเราไปตามโค้งเอง ซึ่งเราเรียกกันว่า “Visual Direction Control” หรือ “การควบคุมทิศทางด้วยการมอง” มันคือการที่ตาของเราบอกสมองของเราเองว่าเรากำลังจะไปทางไหน
ขณะที่เรากำลังเข้าโค้งตาต้องมองไปตรงจุดที่จะออกจากโค้งแล้ว การมองแบบนี้จะทำให้เราเข้าออกโค้งได้ง่ายขึ้น
6. มองภาพข้างหน้าให้กว้างเข้าไว้ และขยับลูกตาตลอดเวลา
เวลาขี่รถโดยเฉพาะเมื่อจะเข้าโค้ง จะมัวมองเหม่อหรือชมทิวทัศน์ไม่ได้ ลูกตาต้องขยับเพื่อดูสภาพแวดล้อมของถนนอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งสอดส่ายสายตาดูพื้นถนนด้วย มองขึ้นมองลงมองซ้ายมองขวา ขยับลูกตาอยู่ตลอดเวลา
7. มองหาจุดอ้างอิง
ถ้าขับขี่อยู่บนถนนธรรมดาที่ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมาก การมองหาจุดอ้างอิงอาจจะไม่จำเป็น แต่หากอยู่บน Track และกำลังใช้ความเร็วสูง การกำหนดจุดเพื่อให้เข้า Line ที่เราจะใช้ในการเข้าโค้งนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อผ่านโค้งเดิมในแต่ละรอบ ต้องพยายามจำจุดอ้างอิงให้ได้ว่าตำแหน่งไหนที่เราเข้าออกโค้งได้ดีและเร็วที่สุด สำหรับจุดอ้างอิงจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกบนพื้นถนน ลูกยางสีส้มที่วางไว้ข้าง Track ก้อนหิน หรือแม้กระทั่งแนวต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้า
8. ใส่เกียร์ให้กับลูกตา
ขณะที่เรามองไปข้างหน้าเพื่อหาจุดเข้าโค้งและออกโค้ง สายตาต้องสอดส่ายอย่างรวดเร็วและตื่นตัวตลอดเวลา สมองต้องทำงานควบคู่ไปกับลูกตาที่มองภาพผ่านไปด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อมองผ่านไปแล้ว ไม่ว่าอะไรจะสดุดตาเข้าห้ามหันกับไปมองหรือส่ายลูกตากลับมาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นการเข้า Line อาจผิดพลาดได้ ใส่เกียร์เดินหน้าให้ลูกตาได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นธรรมชาติของลูกตาเราที่อาจจะหยุดหรือถอยหลังกลับมามองที่จุดสดุดตา ต้องหัดฝึกมองให้เคยชินเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยในการเข้าออกโค้งด้วยความเร็ว
9. มองเพื่อแก้ไขไม่ใช่มองเพื่อหาปัญหา
โดยปกติเมื่อเรามองแล้วพบจุดสดุดตา และหากเป็นจุดที่อาจจะเป็นปัญหาในการบังคับรถให้ผ่านเข้าไป เรามักจะประสบกับอาการ “Target Fixation” หรือ “ติดกับดักที่เป้าหมาย” ซึ่งจะกลายเป็นว่าแทนที่เราจะหลบจุดอันตรายนั้นได้ กลับกลายเป็นว่าเราบังคับรถให้พุ่งเข้าไปหาซะเอง เช่นกรณีที่เราเห็นแถบทรายที่โค้งด้านนอก และรู้ว่ามันอาจจะทำให้รถไถลได้ แทนที่เราจะเปลี่ยนสายตาหาทางหลบ แต่กลับมองจ้องเข้าไปที่แนวทรายนั้น ทำให้เราบังคับรถตรงเข้าไปหา กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว ดังนั้นเมื่อเราพบสิ่งที่อาจจะเป็นปัญหาเหล่านี้ เราควรคิดที่จะแก้ไขในทันทีไม่ต้องพะวงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น แต่หาทางที่จะหลบเลี่ยงปัญหาแทน ใจเย็นๆ เข้าไว้ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจจนเกินไป
10. ฝึก ฝึก และฝึกเท่านั้น
การหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกตาจ้องตรงไปที่จุดปัญหา ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันเป็นการฝืนธรรมชาติ การฝึกฝนและประสพการณ์เท่านั้นที่จะช่วยให้เรารอดจากปัญหาพวกนั้นได้
ในการขับขี่ครั้งต่อไปพยายามมองออกไปให้ไกลที่สุดกำหนดเส้นทางที่เราจะขี่ผ่านเข้าไป ใช้สายตาให้มากมองผ่านอย่างรวดเร็วสมองตื่นตัวตลอดเวลา ไม่จ้องมองทุกสิ่งอุปสรรค และเราจะผ่านโค้งทุกโค้งได้อย่างปลอดภัย
#ชีวิตนักแข่งเริ่มต้นที่นี่
The Faculty of Speed..
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://thailandcircuit.racing/