โลกของรถมอเตอร์ไซค์นั้น ถือว่าเป็นอีกวงการหนึ่งที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ตั้งแต่อดีตมาจากถึงปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนารูปแบบที่เอื้อประโยชน์ในการใช้งาน ความสนุกในการขับขี่ และที่สำคัญก็คือความปลอดภัยในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์อย่างมากมาย 10 สุดยอดนวัตกรรมแห่งโลกมอเตอร์ไซค์จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน  ซึ่งถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ วงการมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันอาจจะกลายเป็นอีกโฉมหน้าหนึ่งไปเลยก็ได้ อย่ารอช้าไปดูเลยว่าจะมีอะไรบ้าง

Disc Brake
ระบบเบรคหรือระบบห้ามล้อนั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะหยุดหรือชะลอเราจากการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ จากยุคอดีตรถมอเตอร์ไซค์นั้นนิยมใช้งานระบบเบรคแบบ ดรัมป์เบรค ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือเรื่องของราคาในการผลิตที่ไม่สูงมาก แต่แล้วโลกก็เปลี่ยนไปเมื่อรถมอเตอร์ไซค์ที่ความเร็วมากขึ้นระบบเบรคเดิมอย่าง “ดรัมป์เบรค”ก็เหมือนจะไม่ตอบโจทย์การใช้งาน และแล้วระบบ Disc Bakes ก็เกิดขึ้น โดยในยุคแรกนั้นระบบเบรกนี้จะถูกใช้เฉพาะกับรถในสนามการแข่งขันเท่านั้น ยังไม่เป็นที่นิยมในรถ Production สักเท่าไหร่ก็เพราะด้วยเรื่องของราคาในการผลิตที่จะทำให้ตัวรถนั้นมีมูลค่าที่สูงขึ้น โดยมี Honda เป็นค่ายแรกที่เริ่มนำเอาระบบเบรกนี้มาใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ Production ของตัวเอง

ABS
ต่อยอดมาจากระบบเบรก Disc Brake ก็คือระบบ ABS ที่ย่อมาจาก Anti-Lock Brake System หรือระบบป้องกันการล็อคของระบบเบรก ที่ถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 1950 และถูกติดตั้งในรถมอเตอร์ไซค์คันแรกก็คือ BMW K1000 ในปี 1988 ซึ่งนับมาถึงตรงนี้ก็ 30 ปี แล้วที่เราได้รู้จักกับระบบเบรกนี้อย่างจริงจัง แต่ก็ยังมีเหล่าบรรดาไบค์เกอร์อีกหลายคนที่เชื่อว่าระบบ ABS นี้ไม่ค่อยมีความจำเป็นต่อการใช้งาน เพราะมันจะทำให้ระยะของการเบรกนั้นยาวออกไป

Alloy Beam Frames
ส่วนใหญ่รถมอเตอร์ไซค์ในอดีตนั้นจะใช้โครงสร้างของเหล็กที่มีน้ำหนักมากและทำให้การขับขี่นั้นไม่คล่องตัว เทคโนโลยี Alloy Bean Frames โครงสร้างตัวถังอลูมิเนียมจึงถูกใช้งานในยุค 1980 ในบางรุ่นเพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของมันในการทำงาน และเป็นต้นแบบของพัฒนาการของรถมอเตอร์ไซค์ในสนามแข่งขันและประสบผลสำเร็จจนใช้กันมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

Telescopic Fork
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic นั้นถูกใช้งานครั้งแรกในปี 1935 ในรถมอเตอร์ไซค์ของ BMW แทนที่แบบเดิมที่ไม่มีระบบกันสะเทือน เหมือนในจักรยานธรรมดา จนถึงปัจจุบันนี้ระบบกันสะเทือนแบบ Telescopic นั้นถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น ระบบ Upside-Down ระบบแบบ Semi-Active หรือแม้แต่ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ก็ยังมี ซึ่งแน่นอนว่ามันคงจะมีการพัฒนาต่อไปอีกเรื่อยๆ ในอนาคต

Monoshock
รูปแบบของระบบกันสะเทือนหลังนั้นมีหลากลายรูปแบบ โดยแบบ Monoshocl นั้นในยุคแรกเริ่มถูกใช้งานในรถมอเตอร์ไซค์ในการแข่งขันเป็นหลัก เพราะระบบกันสะเทือนหลังแบบคู่นั้นจะมีอาการกระเด้งจากการทำงานในเวลาเข้าโค้งที่สูง ซึ่งหากจะพัฒนาระบบนี้เพื่อใช้ในการแข่งขันก็จะใช้ทุนค่อนข้างสูง สู้เอาเงินลงทุนนี้ไปพัฒนากับแบบโช้คเดี่ยวจะดีกว่า และมันก็ส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน ที่ไม่เพียงแต่รถในแนวสปอร์ตเท่านั้นที่ใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบนี้ ยังมีอีกหลากหลายรุ่นที่ใช้ระบบนี้จนปริมาณของรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบ Monoshock เทียบเท่าได้กับแบบ Dual Shock เลยทีเดียว

เครื่องยนต์
จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ เพราะมันเป็นหัวใจหลักของรถมอเตอร์ไซค์เลยทีเดียว เชื่อหรือไม่ว่ารถมอเตอร์ไซค์คันแรกถูกผลิตและเลือกใช้งานเครื่องยนต์แบบ 2 ลูกสูบมาก่อน โดยในปี 1893 ทาง Heinrich Hidebrand, Wilhelm Hidebrand & Alois Wolfmüller ค่ายรถมอเตอร์ไซค์ชื่อยาวจากประเทศเยอรมันได้คิดค้นและพัฒนาจนออกมาเป็นมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลก ที่สามารถวางขายได้จริงและใช้งานได้จริง โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Hidebrand & Wolfmuller ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 2 ลูกสูบ ขนาด 1,489 ซีซี โดยมีพละกำลังสูงสุดที่ 2.5 Bhp ที่ 240 รอบต่อนาทีเท่านั้น! สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนถึงทุกวันนี้มีเครื่องยนต์ออกมามากมายหลายรูปแบบ ทั้ง หนึ่งสูบ สองสูบ ลามไปยังเครื่องยนต์แบบ 6 ลูกสูบ (เฉพาะในรถ Production) และดูเหมือนว่าการพัฒนาของเครื่องยนต์นี้จะไม่มีวันจบสิ้นอีกด้วย

Fairings
Fairings หรือส่วนควบที่ปกปิดในส่วนของโครงสร้างหรือตัวเครื่องยนต์ โดยในยุคเริ่มต้นนั้นเจ้าแฟร์ริ่งนั้นถูกใช้ในสนามการแข่งขันเพื่อเป็นชิ้นส่วนในการแหวกอากาศทำให้มอเตอร์ไซค์ไปในการแข่งขันได้เร็วมากขึ้นและลดแรงปะทะของการขับขี่ระหว่างผู้ขับขี่และลมได้มากขึ้น โดยในส่วนของรถมอเตอร์ไซค์ Production นั้นรถที่ใช้ชิ้นส่วนแฟริ่งเป็นคันแรกก็คือ BMW R100RS ในปี 1976 ซึ่งนับว่าเจ้า R100RS นั้นเป็นผู้บุกเบิกรถในด้าน Fairings อีกด้วย

Fuel Injection
ไม่มีการโต้แย้งใดๆ เลยว่า คาร์บูเรเตอร์ เคยเป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญและเป็นชิ้นส่วนที่ชาญฉลาดที่สุดในด้านวิศวกรรม ความสามารถของมันในการผสมอากาศ และน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เมื่อมีสิ่งที่สุดยอดก็ต้องมีผู้ท้าชิง ระบบหัวฉีดเข้ามามีความสำคัญตั้งแต่ปี 2008 ด้วยความแม่นยำในการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่น้อยลง จนระบบหัวฉีดนั้นได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินในการซื้อรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน

Ride by Wire
ระบบคันเร่งไฟฟ้าที่มาแทนที่สายคันเร่งหรือ Throttle Cable โดยผู้ผลิตรายแรกก็คือ Yamaha ที่ใส่ไว้ในโมเดล 2006 Yamaha R6 โดยหลักการนอกเหนือจากเป็นคันเร่งแล้วมันช่วยในเรื่องของการจัดการระบบเครื่องยนต์ โดยส่งต่อไปยังระบบประมวลผล หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ “โหมดการขับขี่” ซึ่งเจ้าโหมดนี้จะควบคุมศักยภาพของเครื่องยนต์ให้เป็นไปตามที่เรากำหนด สามารถปรับได้ทั้งรอบเครื่องยนต์สูงสุด แรงบิดสูงสุด หรือแม้แต่แรงม้าสูงสุด ให้เหมาะสมกับรูปแบบในการขับขี่นั่นเอง

หมวกกันน็อค
อาจจะเป็นข้อสงสัยว่า หมวกกันน็อค มันคือนวัตกรรมของมอเตอร์ไซค์ด้วยหรือ ซึ่งจริง ๆ แล้วนั้น เจ้าหมวกกันน็อคนั้นมีประโยชน์มากกว่าโทษ สิ่งแรกที่เราคำนึงถึงก็คือ “ชีวิต” การขับขี่ยานพพาหนะทุกชนิดมีอันตรายเท่า ๆ กัน หากเราไม่ประมาท การลดอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก็มีน้อยลง และสิ่งนั้นก็คือหมวกกันน็อค เราได้เห็นจากสนามแข่งขันกันมานักต่อนักแล้วว่าหมวกกันน็อคนั้นสามารถช่วยชีวิตนักแข่งได้หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้น หมวกกันน็อค  จึงถือว่าเป็นสุดยอดของนวัตกรรมของโลกมอเตอร์ไซค์

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.visordown.com / https://www.greatbiker.com/