เคยสงสัยหรือไม่ว่ารูปทรงของรถบิ๊กไบค์ในปัจจุบันนั้น ได้มีการออกแบบที่ดูโฉบเฉี่ยว มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ทำให้ตัวรถดูมีมิติและรายละเอียดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้รถบิ๊กไบค์แต่ล่ะค่าย แต่ล่ะรุ่น มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นของตัวเอง แต่มองอีกมุมที่เหนือขึ้นไปกว่าความสวยงาม นั่นก็คือ การออกแบบที่ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ หรือ Aerodynamic ซึ่งคิดว่าหลายๆ คน คงเคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่า Aerodynamic คือ อะไรกันแน่ เดี๋ยวเราจะมาหาคำตอบไปด้วยกัน

ในปัจจุบันการออกแบบรูปทรงของรถบิ๊กไบค์ในหลายๆ รุ่น โดยเฉพาะรถบิ๊กไบค์ที่เป็นรูปทรงสปอร์ตที่ต้องใช้ท่าทางการขับขี่ในท่าทางของการหมอบ จนไปถึงรถทัวร์ริ่งไบค์ขนาดใหญ่ ที่ท่าทางการขับขี่แบบนั่งเกือบหลังตรง ได้มีการคำนวณการออกแบบแฟริ่งและช่องลมต่างๆ ให้ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) ให้เป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้รถคันนั้นสามารถทรงตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจุดประสงค์ของการที่ต้องออกแบบให้ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์นั่นก็คือ จะช่วยลดค่าแรงเสียดทานของอากาศในระหว่างการขับขี่ลดลง ทำให้การควบคุม และยึดเกาะถนนของการขับขี่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่การออกแบบที่ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) ยังทำให้มีผลดีในส่วนของการทำงานของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างมาก ด้วยการที่อากาศสามารถไหลเวียนผ่านตัวรถไปได้ดีเท่าไหร่ รถก็สามารถวิ่งหรือทำความเร็วได้ดีขึ้นเท่านั้น เพราะว่าเมื่ออากาศที่ไหลเวียนผ่านไปตามที่วิศกรได้ออกแบบให้ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ จะทำให้ลดจุดปะทะของแรงลมได้ พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อตัวรถและผู้ขับไร้แรงลมที่จะมาต้านแล้ว การขับขี่ไม่ว่าจะเป็นด้านการควบคุม หรือทำความเร็วจนไปถึงการประหยัดเชื้อเพลิง จะสามารถทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้การขับรถเร็วมาก ๆ เหมาะที่จะขับในสนามแข่งเท่านั้น ส่วนในท้องถนนก็ควรขับตามที่กฏหมายกำหนด ตามหลัก Aerodynamic ที่ออกแบบมาผู้ที่จะขับขี่ได้ประสิทธิภาพมาก ควรได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจึงจะเอารถได้อยู่ในขณะใช้ความเร็ว ปัจจุบันมีสถาบันและโรงเรียนแบบสอนการขับรถ Bigbike จำนวนมากไปฝึกฝนไว้เพื่อความปลอดภัยและความสนุกในการขับขี่

ขอบคุณข้อมูล
http://bigbike.boxzaracing.com/