หน้าฝนปีนี้ตกหนักกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมาทำให้หลากหลายพื้นที่เกิดน้ำท่วม บางท่านมีความจำเป็นที่จะต้องขับขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมทั้งหนีน้ำ หรือขนย้ายของจำเป็นแน่นอนหากท่านขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำที่ท่วมสูงๆ ย่อมจะเกิดผลกระทบกับมอเตอร์ไซค์ของท่านเป็นแน่ รถมอเตอร์ไซค์สามารถลุยน้ำได้ ในระดับปริมาณน้ำไม่เกิน 1 ฟุตจากพื้น หรือห้ามท่วมถึงคาบูเรเตอร์เด็ดขาด(รถรุ่นเก่า) ส่วนรถรุ่นใหม่ที่ใช้หัวฉีดก็อย่างให้น้ำเข้ากรองอากาศ มิเช่นนั้นจะทำเกิดความเสียหายต่อรถมอเตอร์ไซค์ของคุณได้ แต่ถ้าคุณลุยมาแล้วเราจะจะแนะนำการดูแลรถของคุณให้กลับมาใช้งานให้ได้ดั่งเดิมมาให้ลองปฏิบัติตามกันดู
- ในกรณีที่ใช้งานรถวิ่งผ่านแหล่งน้ำเข้าท่วมที่มีปริมาณมาก เมื่อกลับถึงบ้านแล้วเราควรถอดหม้อกรองอากาศออกเพื่อทำความสะอาด เพราะอาจมีน้ำในหม้อกรองอากาศหลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้น้ำเข้าเครื่องได้
- กรณีน้ำซึมเข้าระบบไฟฟ้าอย่างหัวเทียน เราควรตรวจเช็คทุกครั้งเมื่อมีการขี่รถที่มีปริมาณน้ำลึก ด้วยการถอดหัวเทียนออกแล้วนำมาทำความสะอาดโดยการไล่ความชื้น นอกจากนี้ยังต้องตรวจดูปลั๊กหัวเทียนว่ามีน้ำด้วยหรือเปล่า ถ้ามีให้นำออกมาเป่าหรือเช็ดแห้งไม่จำเป็นต้อฉีดสิ่งใดๆ ทั้งนั้น และก่อนใส่กลับเข้าที่ให้ตรวจดูว่าไฟแรงสูงสปาร์คที่หัวเทียนรึยัง โดยเสียบหัวเทียนเข้าไปในปลั๊กหัวเทียนแล้ววางตัวหัวเทียนให้สัมผัสตัวเครื่องยนต์ ซึ่งถ้าไฟสปาร์คที่เขี้ยวหัวเทียน ก็เป็นอันใช้การได้
- กรณีน้ำเข้าเครื่องเราควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทันที วิธีการสังเกตว่าน้ำเข้าเครื่องหรือไม่ให้ไปดูที่ช่องระดับหรือเปิดฝาจุกเติมน้ำมันเครื่องว่ามีสีขาวขุ่นหรือไม่ วิธีการแก้ไขคือให้จัดการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องออกทันที หากปล่อยทิ้งไว้ สนิมและความชื้นต่างๆ ในระบบ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนของเครื่องยนต์
- หากน้ำเข้าโคมไฟหน้า/ท้าย ให้เปิดน้ำออกมา และอย่าเอามือไปโดนผิวหลอดไฟเด็ดขาด เพราะไขมันบนมือเราอาจทำให้หลอดขาดได้
- ตรวจเช็คระบบเบรค การจอดทิ้งไว้ไม่ทำให้น้ำที่ค้างอยู่หายไป การแก้ไขที่ถูกต้องคือ เมื่อขับลุยน้ำเสร็จให้ขับขี่เป็นระยะทางสั้น ๆ แล้วทำการเบรกหลายๆ ครั้ง เพื่อไล่น้ำให้ออกไปจากหน้าสัมผัสให้หมดและทางที่ดีควรนำผ้าเบรกออกมาทำความสะอาด ไล่น้ำ โดยใช้ลมเป่าซึ่งจะทำให้ไล่น้ำออกได้รวดเร็ว
 

การขี่รถมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำในเมืองไทยนับเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องดูแลให้ถูกวิธี เพื่อเป็นการให้รถอยู่ใช้งานได้อย่างยาวนาน เจียดเวลาดูแลเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้รถกลับใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
หากท่านทำตามคำแนะนำเหล่านี้แล้วรถยังมีอาการผิดปกติอยู่ รีบนำรถไปที่ศูนย์หรืออู่ที่ได้มาตรฐานเพื่อตรวจเช็คโดยละเอียดจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุดและทันท่วงที

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.24andlife.com/