ถือว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวพอสมควร หากใครใช้ยานยนต์อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ หรือรถจักรยานก็ตาม ซึ่งยานยนต์เหล่านี้ล้วนใช้ยางเป็นตัวที่สัมผัสกับพื้นถนนกับตัวรถนั้นเอง โดยพื้นฐานของยางในท้องตลาดแต่ละยี่ห้อ เรียกได้ว่าล้วนมีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนๆ กันหมด

หน้าที่แต่ละส่วนของยางจะสามารถแบ่งออกเป็น 6 องค์ประกอบดังต่อไปนี้ ได้แก่

1. หน้ายาง (Tread) ถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากๆ ของยางรถ เนื่องจากเป็นผิวที่สัมผัสระหว่างยางรถกับพื้นถนนนั้นเอง ไม่ว่ายางจะยึดเกาะดีในถนนที่เปียกหรือแห้ง ยางจะยึดเกาะในทางโค้งได้อย่างยอดเยี่ยม หรือยางที่จะทำให้มีระยะเบรคที่สั่นลง ทุกยางขึ้นอยู่กับหน้ายางทั้งหมด

ดีไซน์หน้ายางจะแตกต่างกันออกไปตามรุ่นยาง ตามแบรนด์ของยาง ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป สุดท้ายขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของคุณเป็นหลักเสียมากกว่า

2. แก้มยาง (Sidewall) ยางจะแข็งหรือยางจะนุ่ม แก้มยางจะมีผลโดยตรง โดยคุณอาจเคยได้ยินคำว่าแก้มยางสูง/แก้มยางเตี้ย ซึ่งแต่ละแบบล้วนมีข้อดีข้อเสียต่างแตกกันออกไป

- แก้มยางเตี้ย จะให้การยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยม เข้าโค้งที่มั่นใจ แต่แลกมาด้วยความแข็งของยาง

- แก้มยางสูง พื้นที่ของแก้มจะมีความยืดหยุ่นที่เยอะกว่า ทำให้ซับแรงกระแทกต่างๆ ที่เกิดจากผิวถนนได้ดีกว่านั้นเอง แต่ก็แลกมาด้วยการเข้าโค้งที่สูงยางแบบแก้มเตี้ยไม่ได้

ทั้งนี้หน้าที่จริงๆ ของแก้มยางก็คือ ช่วยป้องกันอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับโครงยางนั้นเอง ซึ่งแก้มยางก็ถือว่าเป็นจุดบอบบางเช่นกัน หากเกิดความเสียหายขึ้นมาแล้ว ต้องเปลี่ยนยางใหม่อย่างเดียว

3.ไหล่ยาง (Shoulder) เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างหน้ายางกับแก้มยาง โดยไหล่ยางจะทำหน้าที่ปกป้องโครงสร้างยางเช่นกัน ซึ่งตรงบริเวณไหล่ยางจะมีเนื้อยางที่หนามากๆ 

4. โครงยาง (Carcass) ตามชื่อเรียกก็ว่าได้ สำหรับโครงยางที่ทำหน้าที่รักษาแรงดันของลมยาง ยางจะรับน้ำหนักได้มากหรือน้อย หรือยางจะมีความทนทานต่อแรงกระแทกต่างๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโครงยางนั้นเอง

5. ผ้าใบเสริมหน้ายาง หรือ เข็มขัดรัดหน้ายาง (Breaker or Belt) เป็นสิ่งที่จะเพิ่มความแข็งแรงให้กับยางก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น หรือป้องกันโครงยางเสียหายได้ ซึ่งผ้าใบเสริมหน้ายางจะอยู่ระหว่างหน้ายางกับโครงยางนั้นเอง

6. ขอบยาง (Bead) เป็นส่วนที่ทำให้ยางยึดติดกับวงล้อ โดยจะมีเส้นลวดเหล็กกล้า (High Carbon Steel) เป็นตัวทำหน้าที่นี้ ซึ่งยางจุ๊บเลสจะเก็บลมอยู่หรือไม่อยู่ก็ขึ้นอยู่ตรงขอบยางนี้ล่ะ