ผ้าเบรคมักมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 4,000 – 5,000 km หรือประมาณทุกๆ 6 เดือน ก็ควรจะต้องทำการเปลี่ยนได้แล้ว เพราะหากผ้าเบรคคุณเสื่อมสภาพอาจจะเกิดปัญหาต่อการห้ามล้อ และลามไปยังส่วนอื่นๆ ของรถได้อีก รองสังเกตอาการฟังเสียงรถระหว่างการใช้เบรคดู ถ้าเบรคแล้วเสียงดังจะดังแบบเอี๊ยดๆ คล้ายๆ กับเสียงเหล็กเสียดสีกัน หรือเวลาแตะเบรคทีไร จะรู้สึกเบรคไม่ค่อยหนึบเหมือนเดิม บางรายอาจเกิดกรณีเบรคไม่ค่อยจะอยู่ หรือเบรคแล้วรู้สึกว่าล้อสั่นๆ นั้นคือต้องรีบไปเปลี่ยนผ้าเบรคโดยเร็ว

เมื่อต้องไปเปลี่ยนผ้าเบรคก็ควรจะต้องเลือกผ้าเบรกที่มีคุณภาพ ผ่านมาตรฐานสูงๆ เพราะว่านี่คือส่วนสำคัญที่เราต้องไปฝากชีวิตไว้ด้วยเช่นกัน เมื่อเปลี่ยนผ้าเบรคเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลายท่านอาจเคยได้ยินการแนะนำว่าควรไป รันอินผ้าเบรค เราก็คงสงสัยใช่ไหม คิดว่าการรันอินนั้นมีแต่เฉพาะเมื่อเปลี่ยนยางเส้นใหม่เท่านั้น 

การ Run In ผ้าเบรค คือ ขั้นตอนการปรับหน้าสัมผัสของจานเบรค และผ้าเบรคที่ติดตั้งใหม่
ช่วงแรกที่เปลี่ยนผ้าเบรค แล้วระยะเบรกยังไกลกว่าเดิม เป็นเพราะ หน้าสัมผัสผ้าเบรคใหม่ กับจานเบรคใบเดิมยังจับกันได้ไม่ดี ซึ่งเป็นอาการปกติสำหรับการเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่ จึงจำเป็นต้องมีการรันอินผ้าเบรคก่อน เพื่อให้ผิวหน้าผ้าเบรกสัมผัสได้ดีกับจานเบรค จะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพการเบรคที่ดี ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน เช่น ปัญหาเสียงดัง เบรคลื่น เป็นต้น
ขั้นตอนการรันอินผ้าเบรค
1. เลือกสถานที่ ที่ไม่มีการจราจรหนาแน่น และมีความปลอดภัยจากรถที่ขับขี่ในเส้นทาง
2. ขี่รถด้วยความเร็วประมาณ 60-80 กม ต่อ ชม.
3. กำเบรคเบาๆ จนถึงปานกลาง เพื่อให้ความเร็วของรถค่อยๆ ลดลงจนเหลือประมาณ 10 กม. ต่อ ชม.
4. ทำซํ้าๆ ขั้นตอนที่ 1 และ 2 ประมาณ 10 ครั้ง หรือหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเบรคอย่างรุนแรง ภายในระยะ 50 - 60 กม. แรกหลังจากการติดตั้งผ้าเบรคใหม่
ไม่ควรทำการรันอินด้วยการเร่งความเร็วในขณะที่กำเบรคไปด้วย หรือขับรถด้วยความเร็วสูงแล้วกำเบรคอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้ผ้าเบรคไหม้ ในระยะ 60-100 กม.แรก เพราะ การกำเบรกอย่างรุนแรงในระหว่างที่ผ้าเบรคยังรันอินไม่สมบูรณ์นั้น อาจทำให้ผ้าเบรคไหม้ และสูญเสียประสิทธิภาพในการเบรกได้

ขอบคุณข้อมูลจาก  
https://www.brake-d.com/