เรียกว่า Royal Enfield ได้ทำการเซอร์ไพรส์ก็ไม่ผิดอะไร เพราะเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2022 บริษัทได้ทำการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดอย่างทาง 2022 Royal Enfield Hunter 350 โดยเป็นการเปิดครั้งแรกของโลกอีกด้วย (World Premiere)

“ขี่ก่อน เท่ก่อน” ถ้าใช้คำนี้ก็ไม่ผิดอะไร โดย 2022 Royal Enfield Hunter 350 มีให้เลือก 2 ราคาจำหน่าย ซึ่งความแตกต่างจะเป็นเพียงเรื่องสีสันของตัวรถเพียงเท่านั้น

• Hunter 350 /Dapper (สีพื้น) ราคา 129,900 บาท
• Hunter 350 /Rebel (สีทูโทน) ราคา 132,900 บาท

*สำหรับส่วนอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และระบบเบรค เหมือนกันทั้งหมด

Hunter 350 /Dapper (สีพื้น) ราคา 129,900 บาท

Hunter 350 /Rebel (สีทูโทน) ราคา 132,900 บาท

2022 Royal Enfield Hunter 350 มาพร้อมเครื่องยนต์ 1 สูบ ขนาด 349 ซีซี. 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ให้พละกำลังสูงสุด 20 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 27 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมส่งกำลังด้วยเกียร์ 5 สปีด ซึ่งเครื่องยนต์ที่ใช้เป็นบล็อกเดียวที่อยู่กับรุ่น Meteor 350 นั่นล่ะ

ทั้งนี้เครื่องยนต์ 1 สูบลูกโต มันจะมีเอกลักษณ์ในเรื่องต้นที่จัด แต่ปลายจะแผ่วเป็นเรื่องปกติ โดย 2022 Royal Enfield Hunter 350 จะมีการล็อกความเร็วไว้ที่ 120 กม./ชม. จากโรงงาน ซึ่งคุณสามารถปลดล็อกความเร็วได้

*การปลดล็อกความเร็วของ 2022 Royal Enfield Hunter 350 ทางศูนย์บริการไม่รับทำ ต้องหาร้านที่รับทำเอง ซึ่งมันต้องแลกกับประกันเครื่องยนต์ที่ขาด ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปคำนวณกันดูว่า จะเลือกทำหรือไม่ทำดี

ระบบกันสะเทือนหน้าเป็น Telescopic ขนาดแกน 41 มม. ทำงานรวมกับโช้คอัพหลังแบบคู่ ที่สามารถปรับค่าสปริงได้ถึง 6 ระดับ ในส่วนระบบเบรคเป็นดิสก์หน้า-หลัง พร้อมด้วยระบบเบรค ABS เพิ่มความปลอดภัยทั้งล้อหน้า-หลังเช่นกัน

อุปกรณ์ต่างๆ ของรถยังคงความคลาสสิกรวมสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟส่องสว่างที่ยังคงใช้หลอดไฟฮาโลเจนแบบในรถยุคเก่า เรือนไมล์แบบเข็มแอนะล็อกที่ผสมความเป็นดิจิทัล และก็ยังมี RE Tripper ที่สามารถเชื่อมต่อมือถือสมาร์ทโฟนเพื่อใช้บอกเส้นทางได้ สิ่งที่ดูเป็นไฮไลท์ของรถรุ่นนี้ก็คือ มีที่ชาร์จไฟมือถือ 12v ติดตั้งมาให้เลย

วงล้อให้เป็นอัลลอยขนาด 17 นิ้วทั้งหน้าและหลัง ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาด 15 ลิตร โดย 2022 Royal Enfield Hunter 350 มีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 179 กิโลกรัม (ไม่รวมของเหลว) ซึ่งบริษัทพร้อมส่งมอบรถช่วงเดือน พฤศจิกายน เป็นต้นไป สำหรับใครที่สนใจก็สามารถไปดูรถคันจริงได้แล้วที่โชว์รูม Royal Enfield ใกล้บ้านได้เลย